บทที่13 ความปลอดภัยและความท้าทายด้านจริยธรรม
เรื่องที่1 อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ มีผู้ให้ความหมายไว้ 2ประการ ได้แก่
1. การกระทำใด ๆ ก็ตาม ที่เกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ อันทำให้เหยื่อได้รับความเสียหาย และทำให้ผู้กระทำได้รับผลตอบแทน
2. การกระทำผิดกฎหมายใด ๆ ซึ่งจะต้องใช้ความรู้เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ มาประกอบการกระผิด และต้องใช้ผู้มีความรู้ทางคอมพิวเตอร์ ในการสืบสวน ติดตาม รวบรวมหลักฐาน เพื่อการดำเนินคดี จับกุม
อาชญากรทางคอมพิวเตอร์ ถ้าจะแปลให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือผู้กระทำผิดกฎหมายโดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็นส่วนสำคัญ เป็นการกระทำใดๆ ที่เกี่ยวกับการใช้การเข้าถึงข้อมูล โดยที่ผู้กระทำไม่ได้รับอนุญาต การลักลอบแก้ไข ทำลาย คัดลอกข้อมูล ทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานผิดพลาด แม้ไม่ถึงกับเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่เป็นการกระทำที่ผิดระเบียบกฎเกณฑ์ จรรยาบรรณของการใช้คอมพิวเตอร์นั้นๆ
ความสัมพันธ์ระหว่างคอมพิวเตอร์กับอาชญากรรม
จากการที่คอมพิวเตอร์มีคุณประโยชน์นานับประการ จึงมีผู้นำเทคโนโลยีเหล่านั้น มาเป็นช่องทาง หรือเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการกระทำความผิด ซึ่งลักษณะหรือรูปแบบของความสัมพันธ์ระหว่างคอมพิวเตอร์กับอาชญากรรม พอสรุปได้ดังนี้
1. คอมพิวเตอร์เป็นเป้าหมายในการก่ออาชญากรรม(Computer as Crime “Targets”) เช่น การลักทรัพย์เครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ ชิ้นส่วนของเครื่องคอมพิวเตอร์(ชิป หรือ ส่วนประกอบต่างๆ) โดยเฉพาะที่มีขนาดเล็ก แต่มีราคาแพง
2. คอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องอำนวยความสะดวก ในการก่ออาชญากรรมในรูปแบบ
”ดั้งเดิม” (Facilitation of “Traditional” Crimes) เช่น ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในการเก็บข้อมูลลูกค้ายาเสพติด หรือ ในกรณี UNABOMBER ซึ่งอาชญากรใช้คอมพิวเตอร์ในการกำหนดตัวเหยื่อ จาก On-line Address แล้วส่งระเบิดแสวงเครื่องไปทางไปรษณีย์ โดยวัตถุประสงค์เพื่อสังหารบุคคลที่ชอบเทคโนโลยีชั้นสูง
3. อาชญากรรมที่เกิดกับคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ(Computer-unique Crime) เช่น การสร้างให้ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Computer Virus) แพร่ระบาดไปในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์โดยมีเจตนาที่จะสร้างความเสียหาย,Nuke, การลักลอบเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ (Hacking /Cracking) , การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (Violation of Computer Intellectual Properties)
4.คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการประกอบอาชญากรรม(Computeras “Instrumentality” of Crimes) เช่น การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในการโอนเงินจากบัญชีธนาคาร จากบัญชีหนึ่งไปเข้าอีกบัญชีหนึ่ง โดยมีเจตนาทุจริต ,ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในการเป็นเจ้ามือรับพนันเอาทรัพย์สิน,หรือ ใช้คอมพิวเตอร์ในการเผยแพร่เอกสาร สิ่งพิมพ์ รูปภาพ หรือ โฆษณาวัตถุ ลามก อนาจาร ผิดกฎหมาย
อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ถูกละเลย
สาเหตุบางประการที่ทำให้อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ถูกละเลย ไม่ได้รับความสนใจ
1.อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์โดยธรรมชาติจะมีความไม่เป็นส่วนตัว (Impersonal) จึงไม่มีผลกระทบต่อจิตใจและความรู้สึก (Emotion) ของประชาชนโดยทั่วไป และถูกมองข้ามไป
2.อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ เช่น การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (Theft of Intellectual Property),การโอนเงินโดยผิดกฎหมาย (Unlawful Transfer of Money), การฉ้อโกงด้านการสื่อสาร(Telecommunication Fraud) มีความแตกต่างกับอาชญากรรมแบบดั้งเดิม ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความคุ้นเคยและเข้าใจเป็นอย่างดี เช่นการลักทรัพย์, ทำร้ายร่างกาย อย่างสิ้นเชิง
3.เจ้าหน้าที่ตำรวจมักจะมองไม่เห็นว่าอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์นี้ เป็นปัญหาที่กระทบต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของตน จึงไม่ให้ความสนใจ
4. อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์แตกต่างจากอาชญากรรมรุนแรง (Violent Crime) จุดความ รู้สึกให้เกิดอารมณ์ ( Emotion )ในหมู่ชน จึงทำให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบมีความจำเป็นที่จะต้องทุ่มเท สรรพกำลังไปในการแก้ไขปัญหา อาชญากรรมในรูปแบบทั่วไป
5.อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ มีความเกี่ยวพันอย่างยิ่งกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งจะทำให้บุคคลที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เกิดความไม่กล้า(Intimidated) ในการที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวข้องด้วย
6.บุคคลโดยส่วนมากจะมองอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ในลักษณะ “มิติเดี่ยว” (Unidimensionally)ในลักษณะสภาวะของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งๆ ไป โดยปราศจากการมองให้ลึกซึ้งถึง ผลกระทบ ความรุนแรง การแพร่กระจาย และปริมาณของความเสียหายที่เกิดขึ้น ในการก่ออาชญากรรมแต่ละครั้งนั้น
7.เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง และ ประสิทธิภาพในการใช้เทคโนโลยีของอาชญากร มีการพัฒนาที่รวดเร็ว ทำให้ยากต่อการเรียนรู้ถึงความเปลี่ยนแปลง ในวงการของอาชญากรรมประเภทนี้
8.ผู้เสียหาย กลับจะตกเป็นผู้ที่ถูกประนามว่า เป็นผู้เปิดช่องโอกาสให้กับอาชญากรในการกระทำผิดกฎหมาย เช่น ผู้เสียหายมักถูกตำหนิว่าไม่มีการวางระบบการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมกับโครงข่ายงานคอมพิวเตอร์ บางครั้งจึงมักไม่กล้าเปิดเผยว่า ระบบของตนถูกบุกรุกทำลาย
9.ทรัพย์สินทางปัญญาโดยทั่วไปจะไม่สามารถประเมินราคาความเสียหายได้อย่างแน่ชัด จึงทำให้คนทั่วไปไม่รู้สึกถึงความรุนแรงของอาชญากรรมประเภทนี้
10.พนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอาจไม่มีความรู้ ความชำนาญ หรือ ความสามารถพอเพียงที่จะสอบสวนดำเนินคดีกับอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
11.บุคคลทั่วไปมักมองเห็นว่า อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์นี้ ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง จึงไม่ควรค่าต่อการให้ความสนใจ
12.เจ้าหน้าที่มักใช้ความรู้ความเข้าใจในอาชญากรรมแบบดั้งเดิมนำ มาใช้ในการ สืบสวนสอบสวนคดีอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นเหตุให้อาชญากรรมประเภทนี้ไม่ครบองค์ประกอบความผิดตามอาชญากรรมแบบดั้งเดิม และถูกมองข้ามไปโดยไม่พบการกระทำผิด
13.เจ้าหน้าที่ตำรวจโดยทั่วไปไม่มีการเตรียมการเพื่อรองรับอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์อย่างจริงจัง
14.ในปัจจุบันนี้ อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ไม่ใช่อาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเมือง เมื่อเทียบกับอาชญากรรมที่เกี่ยวกับทรัพย์ หรือ ชีวิตร่างกาย ซึ่งทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
1. การกระทำใด ๆ ก็ตาม ที่เกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ อันทำให้เหยื่อได้รับความเสียหาย และทำให้ผู้กระทำได้รับผลตอบแทน
2. การกระทำผิดกฎหมายใด ๆ ซึ่งจะต้องใช้ความรู้เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ มาประกอบการกระผิด และต้องใช้ผู้มีความรู้ทางคอมพิวเตอร์ ในการสืบสวน ติดตาม รวบรวมหลักฐาน เพื่อการดำเนินคดี จับกุม
อาชญากรทางคอมพิวเตอร์ ถ้าจะแปลให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือผู้กระทำผิดกฎหมายโดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็นส่วนสำคัญ เป็นการกระทำใดๆ ที่เกี่ยวกับการใช้การเข้าถึงข้อมูล โดยที่ผู้กระทำไม่ได้รับอนุญาต การลักลอบแก้ไข ทำลาย คัดลอกข้อมูล ทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานผิดพลาด แม้ไม่ถึงกับเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่เป็นการกระทำที่ผิดระเบียบกฎเกณฑ์ จรรยาบรรณของการใช้คอมพิวเตอร์นั้นๆ
ความสัมพันธ์ระหว่างคอมพิวเตอร์กับอาชญากรรม
จากการที่คอมพิวเตอร์มีคุณประโยชน์นานับประการ จึงมีผู้นำเทคโนโลยีเหล่านั้น มาเป็นช่องทาง หรือเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการกระทำความผิด ซึ่งลักษณะหรือรูปแบบของความสัมพันธ์ระหว่างคอมพิวเตอร์กับอาชญากรรม พอสรุปได้ดังนี้
1. คอมพิวเตอร์เป็นเป้าหมายในการก่ออาชญากรรม(Computer as Crime “Targets”) เช่น การลักทรัพย์เครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ ชิ้นส่วนของเครื่องคอมพิวเตอร์(ชิป หรือ ส่วนประกอบต่างๆ) โดยเฉพาะที่มีขนาดเล็ก แต่มีราคาแพง
2. คอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องอำนวยความสะดวก ในการก่ออาชญากรรมในรูปแบบ
”ดั้งเดิม” (Facilitation of “Traditional” Crimes) เช่น ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในการเก็บข้อมูลลูกค้ายาเสพติด หรือ ในกรณี UNABOMBER ซึ่งอาชญากรใช้คอมพิวเตอร์ในการกำหนดตัวเหยื่อ จาก On-line Address แล้วส่งระเบิดแสวงเครื่องไปทางไปรษณีย์ โดยวัตถุประสงค์เพื่อสังหารบุคคลที่ชอบเทคโนโลยีชั้นสูง
3. อาชญากรรมที่เกิดกับคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ(Computer-unique Crime) เช่น การสร้างให้ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Computer Virus) แพร่ระบาดไปในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์โดยมีเจตนาที่จะสร้างความเสียหาย,Nuke, การลักลอบเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ (Hacking /Cracking) , การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (Violation of Computer Intellectual Properties)
4.คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการประกอบอาชญากรรม(Computeras “Instrumentality” of Crimes) เช่น การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในการโอนเงินจากบัญชีธนาคาร จากบัญชีหนึ่งไปเข้าอีกบัญชีหนึ่ง โดยมีเจตนาทุจริต ,ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในการเป็นเจ้ามือรับพนันเอาทรัพย์สิน,หรือ ใช้คอมพิวเตอร์ในการเผยแพร่เอกสาร สิ่งพิมพ์ รูปภาพ หรือ โฆษณาวัตถุ ลามก อนาจาร ผิดกฎหมาย
สาเหตุบางประการที่ทำให้อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ถูกละเลย ไม่ได้รับความสนใจ
1.อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์โดยธรรมชาติจะมีความไม่เป็นส่วนตัว (Impersonal) จึงไม่มีผลกระทบต่อจิตใจและความรู้สึก (Emotion) ของประชาชนโดยทั่วไป และถูกมองข้ามไป
2.อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ เช่น การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (Theft of Intellectual Property),การโอนเงินโดยผิดกฎหมาย (Unlawful Transfer of Money), การฉ้อโกงด้านการสื่อสาร(Telecommunication Fraud) มีความแตกต่างกับอาชญากรรมแบบดั้งเดิม ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความคุ้นเคยและเข้าใจเป็นอย่างดี เช่นการลักทรัพย์, ทำร้ายร่างกาย อย่างสิ้นเชิง
3.เจ้าหน้าที่ตำรวจมักจะมองไม่เห็นว่าอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์นี้ เป็นปัญหาที่กระทบต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของตน จึงไม่ให้ความสนใจ
4. อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์แตกต่างจากอาชญากรรมรุนแรง (Violent Crime) จุดความ รู้สึกให้เกิดอารมณ์ ( Emotion )ในหมู่ชน จึงทำให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบมีความจำเป็นที่จะต้องทุ่มเท สรรพกำลังไปในการแก้ไขปัญหา อาชญากรรมในรูปแบบทั่วไป
5.อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ มีความเกี่ยวพันอย่างยิ่งกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งจะทำให้บุคคลที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เกิดความไม่กล้า(Intimidated) ในการที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวข้องด้วย
6.บุคคลโดยส่วนมากจะมองอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ในลักษณะ “มิติเดี่ยว” (Unidimensionally)ในลักษณะสภาวะของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งๆ ไป โดยปราศจากการมองให้ลึกซึ้งถึง ผลกระทบ ความรุนแรง การแพร่กระจาย และปริมาณของความเสียหายที่เกิดขึ้น ในการก่ออาชญากรรมแต่ละครั้งนั้น
7.เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง และ ประสิทธิภาพในการใช้เทคโนโลยีของอาชญากร มีการพัฒนาที่รวดเร็ว ทำให้ยากต่อการเรียนรู้ถึงความเปลี่ยนแปลง ในวงการของอาชญากรรมประเภทนี้
8.ผู้เสียหาย กลับจะตกเป็นผู้ที่ถูกประนามว่า เป็นผู้เปิดช่องโอกาสให้กับอาชญากรในการกระทำผิดกฎหมาย เช่น ผู้เสียหายมักถูกตำหนิว่าไม่มีการวางระบบการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมกับโครงข่ายงานคอมพิวเตอร์ บางครั้งจึงมักไม่กล้าเปิดเผยว่า ระบบของตนถูกบุกรุกทำลาย
9.ทรัพย์สินทางปัญญาโดยทั่วไปจะไม่สามารถประเมินราคาความเสียหายได้อย่างแน่ชัด จึงทำให้คนทั่วไปไม่รู้สึกถึงความรุนแรงของอาชญากรรมประเภทนี้
11.บุคคลทั่วไปมักมองเห็นว่า อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์นี้ ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง จึงไม่ควรค่าต่อการให้ความสนใจ
12.เจ้าหน้าที่มักใช้ความรู้ความเข้าใจในอาชญากรรมแบบดั้งเดิมนำ มาใช้ในการ สืบสวนสอบสวนคดีอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นเหตุให้อาชญากรรมประเภทนี้ไม่ครบองค์ประกอบความผิดตามอาชญากรรมแบบดั้งเดิม และถูกมองข้ามไปโดยไม่พบการกระทำผิด
13.เจ้าหน้าที่ตำรวจโดยทั่วไปไม่มีการเตรียมการเพื่อรองรับอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์อย่างจริงจัง
14.ในปัจจุบันนี้ อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ไม่ใช่อาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเมือง เมื่อเทียบกับอาชญากรรมที่เกี่ยวกับทรัพย์ หรือ ชีวิตร่างกาย ซึ่งทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น